วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ทำความรู้จักกับ Libre Office กันก่อน

   การทำงานบนเครื่องคอมพิวเตอร์นั้น ส่วนมากจะนิยมใช้ในการพิมพ์เอกสารต่างๆ ทั้งเอกสารที่เป็นรูปแบบข้อความทั่วไป เอกสารตาราง เอกสารนำเสนอ เป็นต้น มีโปรแกรมที่นิยมใช้กันทั่วไปคือ Microsoft Office ของ Microsoft Cop.
Link:http://www.download.net.pl/upload/Artyku%C5%82y/office/msoff.jpg
  
   ความนิยมของ MS Office นั้นก็สืบเนื่องมาจากเป็นชุดโปรแกรมที่ใช้กันมานาน (มาก่อนก็ได้เปรียบว่างั้น) ซึ่งทำให้ผู้ใช้ทั่วไปมีความคุ้นเคยกับการใช้งานโปรแกรมดีอยู่แล้ว แต่ชุดโปรแกรมนี้ความจริงแล้วมีราคาแพงมาก (เวอร์ชันสำหรับนักศึกษาราคาอยู่ที่ สามพัน ส่วนเวอร์ชันเต็มราคาหลักหมื่น) แต่ที่ใช้ๆ กันอยู่ในปัจจุบัน ส่วนมากเป็นซอฟต์แวร์ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ คือได้มาฟรีๆ จากการที่ไปลงโปรแกรมมาจากช่างคอมพ์ทั่วๆ ไป ผู้ใช้จึงไม่รู้สึกถึงความจำเป็นในการใช้ซอฟต์แวร์ที่ต้องซื้อมาใช้งานตามราคาจริง จึงทำให้ไม่เกิดความรู้สึกว่าจะต้องไปสนใจกับเรื่องนี้ให้เป็นกังวลทำไป ส่วนในระดับองค์กร โดยเฉพาะในส่วนของเอกชน มีความตื่นตัวในในเรื่องนี้พอสมควร เพราะมีการขอตรวจสอบลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์จากหน่วยงานที่รีบผิดชอบ ทำให้มีความจำเป็นที่ต้องซื้อลิขสิทธิ์ในการใช้งานซอฟต์แวร์มาใช้ให้ถูกต้อง หรือไม่ก็ต้องหาซอฟต์แวร์ที่สามารถใช้งานเท่าเทียมกันได้มาใช้ทดแทน
    ชุดโปรแกรม LibreOffcie เป็นชุดซอฟต์แวร์ที่มีลิขสิทธิ์เช่นเดียวกัน แต่ลิขสิทธิ์ของ LibreOffice นั้น กำหนดไว้ว่า สามารถนำมาใช้ได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด สามารถนำมาพัฒนาต่อได้ด้วย แต่ต้องนำมาเผยแพร่ให้ผู้อื่นสามารถใช้งานได้ด้วย  เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะ LibreOffcie นั้นพัฒนาขึ้นมาภายใต้การจดทะเบียนลิขสิทธิ์ตามแบบซอฟต์แวร์ Opensource ซึ่งมีจุดมุ่งหมายในการพัฒนาซอฟต์แวร์ดีๆ มาให้คนทั่วโลกได้ใช้งานและพัฒนาร่วมกัน (อันนี้ว่าโดยสรุปย่อๆ รายละเอียดมันมีเยอะกว่านี้มาก แต่โดยสรุปก็มีสาระตามที่กล่าวมาแล้ว)

Link:https://encrypted-tbn2.gstatic.com/images?q=tbn:ANd9GcTglUs-q5LhjEoFklMS23JqNX01kJc-eWUXnmwAFtr-UyYYrpEyWg

  จุดเริ่มต้นของ LibreOffcie นั้น มาจาก Star Office ของบริษัท Sun Microsystems ซึ่งพยายามพัฒนาโปรแกรมชุดออฟฟิศออกมาเพื่อแข่งขันกับ MS Office นั่นเอง แต่ Star Office สามารถใช้กับระบบปฏิบัติการได้แทบจะทุกระบบ (Unix, Linux, MacOS, MS Windows)  ส่วน MS Office สามารถใช้ได้กับ MS Windows  และ MacOS เท่านั้น 
   Star Office มีส่วนประกอบของซอฟต์แวร์ส่วนมากมาจากซอฟต์แวร์ภายใต้ลิขสิทธิ์ Opensorce โดยเพิ่มเติมส่วนของโปรแกรมที่เป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ Sun ด้วย  ต่อมาจึงได้แยกโครงการมาเป็น OpenOffcie.org ซึ่งยังอยู่ในการดูและของ Sun เหมือนเดิม แต่เป็นซอฟต์แวร์ Opensorce อย่างเต็มตัว  มีการพัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ในการใช้งานจนเทียบเท่ากับ MS Office
   ต่อมาหลังจาก Sun ได้รวมบริษัทเข้ากับ Oracle การพัฒนา OpenOffcie.org ก็เริ่มไม่ต่อเนื่อง จนทำให้นักพัฒนาในส่วน Opensorce ได้แยกตัวออกมาพัฒนาชุดโปรแกรมต่อ โดยให้ชื่อว่า LibreOffice โดยให้ตกอยู่ภายใต้การดูแลของ documentfoundation.org ส่วนของ Oracle ก็ได้ยกให้ OpenOffice.org ไปอยู่ในความดูแลของทีมงานพัฒนา Apache ดังนั้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Apache OpenOffice.org

Link : https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9ZpsdEukBP4I8Jr0QPw4J1E2ZLD2TPvQqtUCQsiDhyphenhyphenW3d9Qf5JJ_AQ2LM36_VYvPWR9QWqs96dllmfGFI0Q9G8j9LmWw_h3mO_vaWINaJI7xwqRgfIK4_O6p5P8cPrHvGov3MYQnCrbWG/s1600/How+to+Install+LibreOffice+4.3.0+Beta+2+on+Fedora,+CentOS,+OpenSUSE,+OpenMandriva.png


   LibreOffice มีการพัฒนาโปรแกรมจากนักพัฒนาโปรแกรมทั่วไป ร่วมกันแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆ พัฒนาฟีเจอร์ต่างๆ ของโปรแกรมเพิ่มเติมไปมาก ทำให้มีความสามารถในการใช้งานได้ดีกว่า Apache OpenOffice.org ซึ่งมีขีดจำกัดในการพัฒนาและไม่ค่อยมีการแก้ไขจุดบกพร่องของโปรแกรมมากนัก ดังนั้น ถ้าจะเลือกใช้ชุดโปรแกรมที่เหมาะสมจึงควรเลือกใช้ LibreOffice

หมายเหตุ:การอ้างอิงถึงองค์กรต่างๆ ในบทความนี้ยังไม่เป็นทางการเต็มที่ ผู้เขียนเน้นความเข้าในเนื้อหาของบทความเป็นสำคัญ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น